ปลาน้ำจืดอร่อยที่สุดในประเทศไทย


ใครก็ตามที่ยังไม่เคยไปกินอาหารที่ ทะเลสาบปากนาย อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน…….ก็อย่าบังอาจประกาศตัวเป็นนักชิมที่ยิ่งใหญ่

800 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานคร ด้วยรถ โฟว์วิล พร้อมด้วยเวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ตามทางหลวงสายเอเซียมุ่งสู่จังหวัดพิษณุโลก แล้วตัดตรงไปจังหวัดน่านโดยผ่าน อุตรดิตถ์ แพร่ เมื่อถึงอำเภอเวียงสาจังหวัดน่านจะเห็นป้ายทะเลสาบปากนายให้เลี้ยวขวา ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าสู่ตลาดอำเภอเวียงสา และไปตามป้ายที่ติดเป็นระยะไม่ให้หลงทาง โดยจะผ่าน อำเภอนาน้อย มุ่งสู่อำเภอนาหมื่น จากนั้นลุยข้ามเขาไปอีก 15 ลูก รวมระยะทางแล้วเกือบ 100 กิโลเมตร นับจากทางแยกเข้าตัวจังหวัดน่าน เราก็จะถึงทะเลสาบปากนาย ซึ่งเป็นส่วนเหนือสุดของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิต์ เมื่อถึงที่หมาย ต้องขอสารภาพว่า ผมด่าการท่องเทียวจังหวัดน่านอยู่ในใจว่า ทำไมหลอกกันถึงขนาดนี้ เพราะตรงทางแยกไปตัวจังหวัดน่านถ้าป้ายบอกว่าไปทะเลสาบปากนายอีก 100 กม. (ป้ายที่บอกไม่ยอมบอกระยะทาง) ผมคงไม่ถ่อสังขารขับรถคู่ชีพมาถึงปากนาย เพียงแค่จะหาที่กินข้าวสักมื้อ แต่แล้วความคิดร้าย ๆ ก็หายไปสิ้น เมื่อเห็นสภาพที่เป็นจริงว่า เรากำลังอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง เพราะเป็นทะเลสาบที่ล้อมรอบทุกด้านด้วยภูเขาที่ไม่สูงนัก ค่ำวันนั้นผมเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวของหมู่บ้านปากนาย

ด้วยมาดซำเหมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เข้าไปติดต่อหาที่พัก กับชายกลางคน ซึ่งเสนอที่พักในร้านอาหารโดยนอนรวมกับพนักงานสาว ๆ ของร้านก็ไม่ต้องเสียเงิน หรือจะเลือกเอาห้องพักบนแพที่ลอยอยู่กลางทะเลสาบ ก็ให้เสียคืนละ ๔๐ บาท

ได้ที่พักบนแพเรียบร้อยก็จัดการสั่งอาหารจากเมนุปากเปล่าของพนักงานตัวน้อยสามสี่คนที่แย่งกันมาให้บริการ ปลาบู่นึ่งมะนาว ปลากดลวก แล้วแถมด้วยปลาคังผัดคึ่งใช่ อาหารหลักสำหรับทดสอบฝีมือพ่อครัวปลาน้ำจืด ใช้เวลารอ เกือบชั่วโมงอาหารทั้งสามอย่างก็ถูกยกมาวางพร้อมกัน เพราะครัวอยู่ห่างจากแพที่พักประมาณ 100 เมตร หลังจากที่เจ้าหนูทั้งสามตะโกนสั่งเสียงดังลั่นคุ้งน้ำเพื่อโชว์ความสามารถในการจับแขกVIPในค่ำวันนั้น

หลังอาหารค่ำอันโรแมนติก ก็นั่งพักมองออกไปรอบเรือนแพที่พัก พร้อมทั้งกระโดดลงไปในน้ำเพื่อล้างตัวล้างหน้าให้ชื่นใจ โดยสภาพมีความสว่างจากแสงจันทร์เท่านั้น ห่างไปก็มืดมิดไปหมด แต่ก็เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับในคืนนั้น หลังจากที่ไม่เคยแก้ผ้าว่ายน้ำมานานหลายสิบปี ต่อจากนั้นก็ได้เวลานอนตีพุงนอนรับบรรายากาศแปลก ๆ ในคืนนั้น ที่เงียบสงัดจริง ๆ

แต่พอตื่นขึ้นมาสวรรค์ที่มีอยู่เมื่อคืน ก็หายไปหมด เมื่อพบว่า ทะเลสาบที่ผมสัมผัสเมื่อคืน ที่แท้ก็คืออ่างเก็บน้ำขนาด 100 ไร่เท่านั้นเองและสมควรอย่างยิ่งที่จะเรียกว่าสลัมกลางน้ำ เพราะเต็มไปด้วยเรือนแพ แบบเดียวกับที่ลำน้ำแควจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งที่นั่นยังดีที่กระแสน้ำยังไหลเอื่อย ๆ ไปตลอดเวลา

แต่ที่เห็นแล้วแทบคายอาหารที่ว่าอร่อยสุด ๆ เมื่อคืนออกมา ก็เพราะอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็นอ่างเก็บน้ำนิ่งเพราะช่วงที่ผมไปเป็นปลายหน้าแล้ง น้ำจึงอยู่ต่ำกว่าระดับทางระบายน้ำ ทำให้เห็นภาพชัด ๆ ว่า ชาวแพทั้งหลายทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในวันหยุดต่อเนื่องหลาย ๆ วันที่พากันมานับพันคนต่างปล่อยของเสียทุกประเภทลงไปในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งผมลงไปแหวกว่ายอยู่เป็นนานด้วยความสนุก และที่สำคัญปลาจำนวนมหาศาลต่างมีความสุขกับอึที่มีความหลายหลายทางชีวภาพ เศร้าที่สุดก็คือได้ทราบจากชาวปากนายว่าทางจังหวัดน่านมีความภูมิใจกับที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มาก จึงสร้างแพพิเศษ เพื่อรับรองแขก VIP ของทางจังหวัดน่านอีกด้วยและหวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีระดับโลกของไทยเรา คงจะได้เป็นแขกพิเศษของทางจังหวัดน่านในอีกไม่นาน สำหรับผมแล้วคงไม่กลับไปปากนายแห่งนี้อีกเป็นแน่ ยกเว้นเมื่อได้ทราบว่าทางจังหวัดว่าได้สั่งอพยพชาวแพทั้งหลาย ให้ขึ้นไปอยู่บนสันเขา และมีการสร้างห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวถ่ายของเสียลงไปในอ่างเก็บน้ำเพื่อเป็นอาหารปลา และทำให้ปลาแห่งนี้ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในประเทศไทยมาเป็นเวลานานหลายสิบปี และผมก็ได้มารับรู้ความจริง(ภาพที่เห็นภาพแรกเป็นมุมหนึ่งของทะเลสาปปากนาย ส่วนสองภาพเป็นภาพ ที่ผมประทับใจเมื่อไปเห็นที่บ้านอื่นเมืองอื่น

mail ถึงเมืองหนังสือ

กลับไปหน้าแรก